เครื่องหมายวรรคตอนที่ผิดพลาดอาจสร้างความเสียหายทางรายได้มหาศาล และยังสามารถจุดชนวนข้อถกเถียงกันภายในประเทศ มันเป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารภาษาอังกฤษ แต่อาจเป็นเรื่องยากที่จะใช้อย่างถูกต้อง โชคดีที่มันมีจำนวนน้อย มันจึงจะกลายเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคุณ
ในบทความนี้เราจะพูดถึงการใช้งาน 10 เครื่องหมายวรรคตอนภาษาอังกฤษที่สำคัญที่สุด จดจำกฎเหล่านี้และคุณอาจจะใช้พวกมันดีกว่าเจ้าของภาษา!
ทำไมต้องรู้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ?
พวกมันเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่น่ารำคาญแถมครูสอนภาษาอังกฤษของคุณยังพูดถึงเสมออีก มันมีเหตุผลที่พวกมันมีความสำคัญ ประการแรกพวกมันสามารถเปลี่ยนวิธีอ่านคำ, ประโยคหรือวลี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งการงางเครื่องหมาย พวกมันสามารถส่งผลกระทบต่อข้อความหรือประโยคง บางตัวสามารถเปลี่ยนความหมายไปจากที่ตั้งใจจะสื่อสารออกไป
เครื่องหมายวรรคตอนนี้ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเขียนได้อย่างถูกต้องในภาษาอังกฤษ ถ้าคุณเคยวางแผนที่จะทำงานหรือศึกษาในสภาพแวดล้อมที่พูดภาษาอังกฤษ คุณต้องเข้าใจการใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษจริงๆ
วิธีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนนี้มีความสัมพันธ์ต่อการช้ไวยากรณ์ มันสามารถทำให้คุณเข้าใจโครงสร้างภาษาอังกฤษประโยคส่วนต่าง ๆ ในการพูด (เช่นคำนาม, คำกริยา ฯลฯ ) และอื่น ๆ อีกมากมาย
เครื่องหมายวรรคตอนที่น่าสับสนมากที่สุด (วิธีการใช้อย่างถูกต้อง)
Question Mark เครื่องหมายคำถาม (?)
จะเอาไว้ใช้จบประโยคที่เราต้องการเขียน เพื่อให้รู้ว่าประโยค นี้เป็นประโยคคำถาม แทนตำแหน่งของ Full Stop
ตัวอย่าง เช่น
– Where is the car?
– You’re leaving already?
Exclamation point จุดอัศเจรีย์ (!)
ใช้ในประโยคที่ไม่เป็นทางการมาก เพื่อเน้น การแสดงอารมณ์ที่รุนแรงมากกว่าปกติในประโยค ไม่ว่าจะเป็นตื่นเต้น ตกใจ แสดงถึงคำสั่งหรือ การตะโกน
ตัวอย่าง เช่น
– That’s marvelous!
– ‘Never!’ She cried
Comma จุลภาค (,)
เครื่องหมายจุลภาคสามารถใช้ในการแบ่งวลีหรือคำ เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น Commas เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ถูกใช้มากที่สุด มีหลายวิธีที่จะใช้เครื่องหมายจุลภาคได้อย่างถูกต้อง ทำให้มันเป็นเครื่องหมายที่พบว่ามีการช้ผิดและค่อนยาก นี่คือบางส่วนของการใช้งานที่สำคัญที่สุดของมัน:
แยกองค์ประกอบในประโยค:
– He served us chips, salsa, popcorn, nuts and drinks while we watched the game
ก่อนหน้าคำสันธาน (เช่น “and” “but” “yet” ฯลฯ ) ที่อยู่ระหว่างสองประโยค:
– My friends went to the arcade, but I stayed home with a fever
ประโยคบอกเล่า:
– Since I was early, I stopped to have a cup of coffee.
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
ระวังการใช้เครื่องหมายจุลภาคในจุดที่ไม่จำเป็น! ข้อผิดพลาดมักถูกเจอบ่อยๆ เมื่อก็ตามที่มีประโยคอิสระตามด้วยอนุประโยด เช่น “either… or,” คุณไม่จำเป็นต้องใส่จุลภาค
ผิด: My fish died, after getting sick.
ที่ถูกต้อง: My fish died after getting sick.
ผิด: You either hate pineapple pizza, or you love it.
ที่ถูกต้อง: You either hate pineapple pizza or you love it.
Semicolon เซมิโคลอน (;)
เซมิโคลอน หรือ เครื่องหมายอัฒภาคเป็นเครื่องหมายที่น่ากลัวที่สุด แม้แต่เจ้าของภาษาเองก็มักจะสับสนเกี่ยวกับวิธีการใช้ แต่ไม่ต้องกลัวเลย! เมื่อคุณใช้เวลาเรียนรู้มันแล้ว คุณจะเห็นมันสามารถใช้งานได้ง่ายๆ
การเชื่อมโยงด้วยเครื่องหมายอัฒภาคกับสองประโยคที่เกี่ยวข้อง เครื่องหมายจุลภาคสามารถแยกประโยคที่ซับซ้อนและเชื่อมประโยคที่แยกกันต่างหา
ตัวอย่าง เช่น
– We were planning to have dinner tonight; we had to cancel it when her boss called.
– My mother visited Nairobi, in Kenya; Tokyo, in Japan; and São Paulo, in Brazil.
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
บางทีความผิดพลาดของเครื่องหมายอัฒภาคที่พบมากที่สุดคือใช้กับประโยคคำสั่ง คุณควรใช้อัฒภาคกับประโยคคำสั่งที่สามารแยกออกจากประโยคหลักได้อย่างอิสระ
ผิด: I have so much on my to-do list tomorrow; plus all my homework.
ที่ถูกต้อง: I have so much on my to-do list tomorrow plus all my homework.
En Dash (–)
นี้อาจจะเป็นเครื่องหมายวรรคตอนน้อยที่รู้จักกันดี En Dash คือเครื่องหมายที่ใช้ในการเชื่อมต่อคำที่เกี่ยวข้องกัน กฎที่ต้องจำไว้คือจะใช้มันเพื่อแทนที่ “to” หรือ“through” เมื่อเรากำลังพูดถึงเวลาหน้าเว็บหรือการแข่งขันกีฬา
ตัวอย่าง เช่น
– The 1998–2000 season was the best for the NY Yankees.
– Please read the story in pages 9–13
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
นักพูดภาษาอังกฤษหลายคน (รวมทั้งเจ้าของภาษา) สับสนระหว่าง En Dash กับ hyphen ยัติภังค์(-) ให้ระวังเรื่องช่องหว่าหน้า-หลัง เครื่องหมาย En Dash
ผิด: I’m arriving on the Boston – Washington flight.
ที่ถูกต้อง: I’m arriving on the Boston–Washington flight.
Em Dash(—)
ความยาวของขีดจะยาวกว่า En Dash (ตามความกว้างของตัวอักษร “M” แทนที่จะเป็น “N” จึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อเครื่องหมายนี้) โดยทั่วไปจะใช้ในการสร้างความหลากหลายและความซับซ้อนในประโยค
ตัวอย่าง เช่น
– The girl—the one with long, blond hair—looked beautiful on the stage.
– Attendees must cover their own lodging costs—hotel room, food and beverages.
– He said, “I thought you should—” “I should do what?!” she replied.
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
ข้อผิดพลาดทั่วไปส่วนใหญ่เกี่ยวกับเว้นช่องว่างหน้า-หลัง เครื่องหมาย
ผิด: Andrea preferred traveling to Europe — Italy and Spain — rather than South America.
ที่ถูกต้อง: Andrea preferred traveling to Europe—Italy and Spain—rather than South America.
hyphen ยัติภังค์ (-)
ใช้ hyphen ในกรณีที่
1.เป็นคำที่เกิดจากคำสองคำที่รวมกันแล้วเกิดเป็นความคิดใหม่ขึ้นมา
2. แบ่งคำออกเป็นพยางค์เพื่อแสดงการออกเสียง
3.ใช้แยกคำยาวๆเมือถึงปลายบันทัด
ตัวอย่าง เช่น
– Jim is a well-liked neighbor.
– My great-grandmother was a famous scientist.
– He wants to be a co-author on the book.
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
แต่ที่พบมากที่สุดก็คือการเชื่อมต่อคำพูดที่ปรับเปลี่ยนความหมายของคำนาม 2 คำ
ผิด: This restaurant is vegan friendly.
ที่ถูกต้อง: The vegan-friendly restaurant is just around the corner.
Ellipsis จุดไข่ปลา ( … ) (บางครั้งถูกเรียกว่า “dot dot dot”)
ใช้เครื่องหมาย Dots เพื่อบ่งชี้ว่ากลุ่มคำในประโยคในคำพูดที่เหลือนั้นได้ถูกละ (Omit) หรือถูกละเว้นตรงส่วนท้ายของประโยคสนทนา ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่าง เช่น
– …challenging the view that Britain … had not changed all that fundamentally.
– Let me think about your problem… actually, don’t! You think; it’s your problem.
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
การใช้โดยไม่มีเหตุผล:“It is not a problem for us to meet on Monday…”
หรือใช้มากกว่าจุดสามจุด:“Then John fell asleep… ..”
Quotation Marks เครื่องหมายคำพูด (‘x’,“x”)
การใช้เครื่องหมายอัญประกาศ หรือเครื่องหมายคำพูดมีหลักการใช้ดังต่อไปนี้
ใช้กับคำพูด และเครื่องหมายเว้นวรรคตอน ในประโยค คำพูดโดยตรง (Direct speech) ตัวอย่างเช่น
– ‘Why on earth did you do that?’He asked.
– ‘I’ll fetch it,’ she replied.
ใช้เพื่อดึงความสนใจผู้อ่านให้สนใจคำที่ไม่คุ้นหรือผิดปกติในประโยคหรือในบริบท เช่น คำแสลงหรือสำนวนเป็นต้น หรือคำที่ใช้เพื่อต้องการผลลัพธ์พิเศษ เช่นคำเสียดสี เป็นต้น ตัวอย่างเช่น
– He told me in no uncertain terms to ‘get lost’.
– Thousands were imprisoned in the name of ‘national security.’
ใช้กับชื่อบทความ หนังสือ กลอน บทละคร หนัง ชื่อเพลง ฯลฯ ตัวอย่างเช่น
– Keats’s ‘Ode to Autumn’
– I was watching ‘Match of the day.’
– Big John likes ‘Thor’ so much.
ใช้กับคำพูดหรือคำกล่าวสั้นๆ ตัวอย่างเช่น
– Do you know the origin of the saying: ‘A little learning is a dangerous thing?’
ใช้ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน นิยมใช้เครื่องหมายคำพูดแบบเป็นคู่ (“”) หรือ Double quotation ตัวอย่างเช่น
– “Help! I’m drowning!”
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
อย่าใช้เครื่องหมายคำพูดเมื่อคุณกำลังสรุปหรือถอดความจากคำพูดของคนอื่น
ผิด: King Edward said that “he’ll have his best men on the subject.”
ที่ถูกต้อง: King Edward said that he’ll have his best men on the subject.
Colon โคลอน (:)
การใช้ Colon นั้นมีหลักการและวิธีการดังต่อไปนี้
ใช้เพื่อแนะนำรายการ ตัวอย่างเช่น
– These are our options : we go by train and leave before the end of the show; or we take the car and see it all.
ใช้ Colon เติมข้างหน้า clause หรือ Phrase ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือขยาย Main clause ในการเขียนที่เป็นทางการ ตัวอย่างเช่น
– The garden had been neglected for a long time: it was overgrown and full of weeds.
ใช้ในการแนะนำคำพูดหรือคำอ้างอิงซึ่งอาจจะถูกทำเป็นย่อหน้า ตัวอย่างเช่น
– As Kenneth Morgan writes:the truth was, perhaps, that Britain in the year from 1914 to 1983 had not changed all that fundamentally.
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
ทวิภาคมักมีการใช้อย่างไม่ถูกต้อง คือการควบคู่กับวลี อย่างเช่น “such as”
ผิด: Your outline should cover the parts of your essay, such as: goals, methods…
ที่ถูกต้อง: Your outline should cover the parts of your essay, such as goals, methods…
นอกจากนี้ไม่ใช้หลังคำบุพบท
ผิด: The mayor announced cutbacks in: research funding, staff development…
ที่ถูกต้อง: The mayor announced cutbacks in research funding, staff development…
Apostrophe ( ‘)
หลักการในการใช้ Apostrophe มีดังต่อไปนี้
ใช้ Apostrophe เมื่อต้องการบ่งชี้ว่า สิ่งของหรือบุคคลเป็นของใครบางคน ของเขา/หรือของเธอ พูดง่ายๆก็คือจะใช้เครื่องหมายนี้ก็ต่อเมื่อต้องการแสดงความเป็นเจ้าของนั่นเอง ตัวอย่างเช่น
– My friend’s brother
– Big John’s English Columns
– the waitress’s apron
– King James’s crown/ King James’ crown
– The student’s book
– The women’s coats
ใช้กับประโยครูปย่อ หรือประโยคที่ละบางส่วน ตัวอย่างเช่น
– I’m (I am)
– She isn’t there.
– They’d (They had/ They would)
– The summer of ‘ 89 (1989)
ใช้ Apostrophe กับคำย่อที่เป็นพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น
– Roll your R’s (R’s ย่อมาจาก alveolar trill)
– During the 1990’s (มาจาก 1990 centuries)
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
ความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดกับ apostrophes จะใช้พวกเขาอย่างไม่ถูกต้องกับคำว่า“it’s” และ “its.” “it’s” คือการลดรูป หมายความว่า “it is.” ในทางตรงกันข้าม “its” เป็นคำสรรพนาม
ผิด: The dog pulled on it’s leash. (This sentence really says, “The dog pulled on it is leash.”)
ที่ถูกต้อง: The dog pulled on its leash.
โปรดจำไว้ว่าคุณยังไม่จำเป็นต้องมี “s” ตัวที่ 2 หากคำนั้นเป็นพหูพจน์ ไม่จำเป็นต้องใช้ ‘s ให้ใช้ ‘ ลงท้ายาคำได้เลย
ผิด: He wrapped all the kid’s presents in 20 minutes.
ที่ถูกต้อง: He wrapped all the kids’ presents in 20 minutes.
Period ตัวย่อ (.)
คุณอาจจะเห็น Period ที่พวกเขากำลังที่ใช้ในการย่อและตัวย่อ
ตัวอย่าง เช่น
– Jim is a well-liked neighbor.
– U.S.A. stands for United States of America.
– Mr. is the abbreviation for Mister.
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง:
อย่าใส่ช่องว่างให้ Period ก่อนส่วนท้ายของประโยค
ผิด: My pants are ruined .
ที่ถูกต้อง: My pants are ruined.
และใส่ช่องว่างเพียง 1 ช่อง ( แต่งานวิชาการบางตัวต้องใส่ช่องว่าง 2 ช่อง แล้วแต่กรณี)
ผิด: I’m driving to the town. The town is five miles south.
ที่ถูกต้อง: I’m driving to the town. The town is five miles south.
ตอนนี้คุณรู้วิธีการใช้เครื่องหมายวรรคตอน และข้อควรระวังของมันแล้ว ที่เหลือก็คือ ลองนำปไปใช้ดู Keep going on!!!
ถ้าคุณกำลังมองหาที่ที่จะเรียนภาษาอังกฤษอยู่ ติดต่อเรา เพื่อปรึกษาเราเกี่ยวกับ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ในเชียงใหม่ และ กรุงเทพ เรายินดีต้อนรับทุกๆคน