15 คำ ที่เกี่ยวกับการสร้างเงินของคุณ
1. Cash
ความหมาย: เงินสดทั้งที่เป็นธนบัตร และ เหรียญ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการใช้จ่ายเงิน เมื่อคุณไปซื้อของตามร้านค้า
ตัวอย่าง:
Your total is $14.99. Will you be paying with cash or credit card?
ยอดขำระของคุณทั้งหมด 14.99 ดอลลาร์ จะจ่ายเป็น เงินสด หรือ บัตรเครดิต ดีคะ/ครับ?
2. Income
ความหมาย: เงินที่เป็นรายได้ของแต่ละคน ที่สามารถหาได้ต่อเดือน หรือ ต่อปี ได้มาจากการทำงาน, การเก็บค่าเช่า หรือ การลงทุนกับบริษัทต่างๆ(นักลงทุน)
ตัวอย่าง:
Earning a good income in this economy is a really hard task.
การมีรายได้ที่ดีในเศรฐกิจแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ
3. Thrifty
ความหมาย: การประหยัดคือการใช้เงินอย่างระมัดระวัง ไม่เสียเปล่าหรือใช้อย่างไม่มีประโยชน์ และคำนี้ยังตีความหมายในทางบวกหรือลบก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทและเจตนาของผู้พูด
ตัวอย่าง:
My dad always taught me to be thrifty with money. This has helped me through some really tough times.
พ่อของฉันมักสอนให้ฉันประหยัดเงิน มันจะช่วยเราในช่วงเวลาที่ลำบาก
4. Haggle
ความหมาย: แปลว่าต่อรอง มีความหมายเหมือนกับ “negotiate” แต่โดยทั่วไปจะใช้ในบริบทที่เป็นทางการ การต่อรองกับใครสักคน คือการพูดุยเกี่ยวกับราคาของสิ่งของบางอย่าง อย่างต่อเนื่อง (โดยไม่หยุด)
ตัวอย่าง:
Miss Thurstone always haggles with the baker to save five cents on every purchase
คุณ Thurstone มักจะต่อรองกับคนทำขนมปัง เพื่อประหยัดเงิน 5 เซนต์ต่อการซื้อทุกครั้ง
5. Discount
ความหมาย: เมื่อร้านหรือธุรกิจลดราคาบางอย่างในระยะเวลาที่จำกัด เรียกว่า “ส่วนลด” ถ้าคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณจะเห็นวันพิเศษอย่าง “Black Friday” มันคือวันหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า จะได้รับส่วนลดเป็นจำนวนมากจากหลายๆร้านค้า (เป็นวันที่ชาวอเมริกันำนวนมากซื้อของขวัญวันคริสค์มาส)
ตัวอย่าง:
I always buy mobile phones when there is a discount. Otherwise it is just too expensive to own a good smartphone nowadays.
ฉันมักจะซื้อมือถือเมื่อมันมีส่วนลด ไม่เช่นนั้นมันจะแพงมากที่จะเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนดีๆในอนนี้
อ่านคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อของได้ ที่นี่
6. Budget
ความหมาย: จำนวนเงินที่สามารถซื้อบางสิ่งบางอย่างได้ เรีียกว่า “งบประมาณ” และมันยังหมายถึงแผนสำหรับการใช้จ่าย เพื่ิอซื้อหรือทำบางอย่างในช่วงเวลาที่เจาะจง เช่น งบประมาณประจำเดือน หรือประจำสัปดาห์
ตัวอย่าง:
I always go over my budget when I shop for clothes. That’s why I always take my parents with me, so they can stop me from spending too much.
ฉันมักใช้เงินเกินงบประมาณของฉัน เวลาที่ไปซื้อเสื้อผ้า นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันมักจะพาพ่อแม่ไปด้วย เพราะพวกเขาสามารถห้ามฉันใช้เงินได้
7. Deal
ความหมาย: Deal สามารถหมายถึง “สัญญา” หรือ “ข้อกลง” ระหว่าง 2 ธุรกิจหรือมากกว่านั้น ถ้าเป็นคำกริยาสามารถหมายถึง การทำธุรกิจกับใครบางคน
ตัวอย่าง:
Apple had a deal with Samsung where they agreed to manufacture smartphones together.
Apple มีข้อตกลงกับ Samsung ว่าจะผลิตสมาร์ทโฟนร่วมกัน
8. Credit
ความหมาย: เวลาซื้อของหรือใช้บริการกับสัญญาจ่ายเงินคืนในอนาคตที่เรียกว่า “เครดิต” หรือที่เรียกว่า “บัตรเครดิต” สามารถใช้ได้ทุกที่ทั่วโลก
ตัวอย่าง:
I prefer not to buy anything on credit since I hate the idea. But my son uses my credit card all the time.
ฉันไม่ชอบซื้ออะไรผ่านบัตรเครดิตตั้งแต่ฉันเกลียดความคิดนี้ แต่ลูกชายฉันก็ใช้บัตรเครดิตตลอดเลย
9. Debt
ความหมาย: คุณถูกกล่าวว่าเป็นหนี้เมื่อคุณเป็นหนี้เงินให้กับใคร ทั้งบุคคลและ บริษัท สามารถเป็นหนี้ได้ และคำที่ใช้สำหรับโอกาสที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น การกู้ยืมเงินจากธนาคารหรือ บริษัท
ตัวอย่าง:
If our company does not stop going over budget every year, then our debt will force us to close down the business.
ถ้าบริษัทไม่หยุดการใช้เงินที่เกินงบประมาณในทุกๆปี หนี้ของบริษัทก็จะบังคับให้เราปิดธุรกิจ
10. Business Negotiation
ความหมาย: หากคุณมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการกับผู้อื่นเพื่อให้บรรลุข้อตกลงระหว่างบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง นั้นเรียกว่า “การเจรจาต่อรอง” โดยทั่วไปเราจะเจรจาเมื่อพวกเขาต้องการบางสิ่งจากกันและกัน แต่ความต้องการบางอย่างไม่เป็นที่ยอมรับของอีกฝ่าย
เมื่อการสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างธุรกิจแล้วพวกเขาจะเรียกว่า “การเจรจาทางธุรกิจ” (สำหรับคำกริยาทั่วไปที่ใช้ในการเขียนธุรกิจอ่านได้ ที่นี่)
ตัวอย่าง:
I always take John with me to every big business negotiation. He can make anyone trust him with his conversation skills.
ฉันมักจะพาจอห์นกับฉัน ทุกการเจรจาธุรกิจที่มีความสำคัญ เขาสามารถทำให้ทุกคนไว้ใจเขาด้วยทักษะการสนทนาของเขา
สำหรับกริยาทั่วไปที่ใช้ในการเขียนภาษาอังกฤษทางธุรกิจได้ ที่นี่
11. Profit/loss
ความหมาย: Profit(กำไร) คือการที่บุคคลหรือธุรกิจทำเงินได้มากกว่าการซื้อหรือผลิตสิ่งนั้น, Loss(ขาดทุน) คือการที่บุคคลหรือธุรกิจทำเงินได้น้อยกว่าการซื้อหรือผลิตสิ่งนั้น
ตัวอย่าง:
It takes a while for a new business to see a profit. Typically, it will take a loss during the first year or so.
ต้องใช้เวลาสักพักสำหรับธุรกิจใหม่เพื่อดูผลกำไร โดยปกติแล้วจะสูญเสียไปในช่วงปีแรกหรือมากกว่านั้น
12. Market
ความหมาย: “ตลาด” เป็นสถานที่ที่คุณซื้อและขายสิ่งต่างๆ, ไม่ว่าจะเป็นตลาดช้อปปิ้งหรือ ตลาดหุ้น มันสามารถใช้เป็นคำกริยาได้ “To market” คือการโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์
ตัวอย่าง:
I prefer our neighborhood market over the mall. There are so many unique things you can find there!
ฉันชอบตลาดย่านใกล้เคียงกับห้างสรรพสินค้า มีสิ่งของต่างๆจำนวนมากที่ให้คุณสามารถหาซื้อได้!
13. Industry
ความหมาย: กระบวนการ, คน, เครื่องมือ, โรงงาน หรือสิ่งที่ใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ . ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ทำการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์
ตัวอย่าง:
I think the paper industry will shut down after some years. All the people I know use computers for reading documents.
ฉันคิดว่าอุตสาหกรรมกระดาษจะปิดตัวลงหลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว คนทุกคนที่ฉันรู้จักใช้คอมพิวเตอร์เพื่ออ่านเอกสาร
14. Recession
ความหมาย: โดยทั่วไป “recession” หมายถึงการกระทำที่ถอยหลังหรือถอนตัวออกจากบางสิ่งหรือบางแห่ง แต่ในด้านการ “recession” หมายถึงช่วงเวลาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงซึ่งทำให้ผู้คนสูญเสียงานและสิ่งของต่างๆราคาแพงขึ้น ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในปีพ. ศ. 2551 และส่งผลกระทบมากที่สุดในโลก
ตัวอย่าง:
I could not find a job for a whole year after the recession of 2008. I even had to sell my car to pay my rent.
ฉันไม่สามารถหางานได้ตลอดทั้งปีหลังจากเหตุการ์ณถดถอยปี 2551 ฉันต้องขายรถของฉันเพื่อจ่ายค่าเช่า
15. Currency
ความหมาย: โดยทั่วไปเราใช้คำนี้เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของประเทศต่างๆ เช่น ดอลลาร์, ปอนด์, รูปี, เยน, รูเบิล ฯลฯ
ตัวอย่าง:
The US dollar is an international currency because it can be used in almost every country of the world.
เงิน US ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสากล เนื่องจากสามารถใช้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก
5 วลีภาษาอังกฤษทั่วไปที่คุณสามารถใช้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเงิน
1. Money doesn’t grow on trees
ความหมาย: เป็นวลีที่ใช้เมื่อคุณต้องการที่จะล้อเลียนคนที่ใช้เงินโดยไม่ต้องคิด มันหมายถึงการที่เราจะได้เงินมามันยากและไม่ได้มาฟรี แตกต่างจากใบไม้ของต้นไม้
ตัวอย่าง:
He asked me if I could buy him a laptop and I just told him that I could not afford it. Money doesn’t grow on trees!
เขาถามฉันว่าฉันสามารถซื้อแล็ปท็อปของเขาได้ไหม ฉันจึงตอบเขาไปว่าไม่ได้ เพราะเงินของฉันไม่ได้หามาง่ายๆ
2. Break the bank
ความหมาย: การใช้เงินทั้งหมดหรือเป็นจำนวนมาก เพื่อซื้ออะไรบางอย่าง นอกจากนี้ยังใช้เมื่อคุณต้องการกล่าวว่าสิ่งที่อยู่ไกลเกินไปและคุณไม่สามารถจ่ายได้
ตัวอย่าง:
There is no way I can go on vacation to Miami. I will need to break the bank just to buy the plane tickets.
ไม่มีทางเลยที่ฉันจะไปพักร้อนที่ไมอามี่ ฉันคงจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน
3. Bread and butter
ความหมาย: Bread and butter มักจะทำให้คิดว่าเป็นอาหารที่จำเป็นของคนที่พูดภาษาอังกฤษหลายคน ในส่วนด้านการเงินนั้นใช้สำหรับงานที่คุณทำเพื่อสร้างรายได้ขั้นพื้นฐานที่คุณสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวของคุณ
ตัวอย่าง:
Although I like writing novels, being a banker is my bread and butter.
ถึงแม้ว่าฉันจะชอบเขียนนวนิยาย แต่ก็ต้องเป็นนายธนาคารเพราะมันคือแหล่งรายได้ของฉัน
4. To be flat broke
ความหมาย: คำว่า “broke” หรือ “flat broke” หมายถึงไม่มีเงิน หรือ ถังแตก เป็นการใช้อย่างไม่เป็นทางการหมายความว่าคุณกำลังมีปัญหาในการซื้อสินค้าพื้นฐาน เช่น บัตรอาหารที่ดีหรือตั๋วรถประจำทาง
ตัวอย่าง:
With this salary, I am always flat broke by the end of the month. I think I need to find another job.
ด้วยเงินเดือนแค่นี้ ฉํนมักจะไม่มีเงินใช้ในช่วงปลายเดือน ฉันคิดว่าฉันจำเป็นต้องหางานใหม่
5. Give a ball park figure
ความหมาย: เมื่อคุณให้ค่าคร่าวๆของการคำนวณบางอย่างเกี่ยวกับเงิน คุณสามารถใช้สำนวนนี้ได้
ตัวอย่าง:
Although I will have to check how much this house will cost you exactly, I can give a ball park figure of around ten thousand per month.
ถึงแม้ว่าฉันจะต้องเช็คราคาบ้านหลังนี้ คุณว่ามันจะราคาเท่าไร ฉันว่ามันราคาราวๆ 10,000 ต่อเดือน
ถ้าคุณกำลังมองหาที่ที่จะเรียนภาษาอังกฤษอยู่ ติดต่อเรา เพื่อปรึกษาเราเกี่ยวกับ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ในเชียงใหม่ และ กรุงเทพ เรายินดีต้อนรับทุกๆคน